ฝ้ามีกี่ชนิด เกิดขึ้นได้อย่างไร พร้อมแนวทางการรักษา และป้องกัน
ฝ้า คือ ปัญหาที่ทำให้ใครหลายๆ คนเกิดความกังวลใจมากที่สุดเพราะการรักษาฝ้าให้หายขาดเป็นเรื่องที่ยากมาก
ฝ้ามีกี่ชนิด เกิดขึ้นได้อย่างไร พร้อมแนวทางการรักษาและป้องกัน
ฝ้า คือ ปัญหาที่ทำให้ใครหลายๆ คนเกิดความกังวลใจมากที่สุดเพราะการรักษาฝ้าให้หายขาดเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถรักษาให้หายได้เลย วันนี้เราได้นำเอาความรู้เรื่องฝ้ามาฝาก ฝ้ามีกี่ชนิด เกิดจากอะไร แนวทางการป้องกันและรักษาฝ้า เพื่อให้คุณได้ศึกษาทำความเข้าใจแบบเจาะลึก ถ้าอยากรู้ก็ตามไปชมพร้อมๆ กันเลย
ฝ้าคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร
“ฝ้า” หรือ “Melasma” เกิดจากเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นเซลล์เม็ดสีใต้ชั้นผิวหนังทำงานผิดปกติ เริ่มแรกจะเป็นวงเล็กๆ สีน้ำตาลก่อน ถ้าไม่รีบหาทางรักษาหรือป้องกันฝ้าจะค่อยๆ ขยายเป็นปื้นและฝังลึกลงไปในเซลล์ผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้ม ส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้หญิงวัยกลางคนอายุประมาณ 30- 40 ปีขึ้นไป ผู้หญิงมีโอกาสเกิดฝ้าได้มากกว่าผู้ชายถึง 9 เท่าเลยทีเดียว สาเหตุหลักๆ ของการเกิดฝ้า ก็คือ แสงแดดเพราะแสงแดดจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส จนเกิดการผลิตเม็ดสีเมลานิน เพื่อกรองรังสี UV เมื่อผิวได้รับรังสี UV มากเกินไป เมลานินก็จะยิ่งถูกผลิตมากขึ้นตามไปด้วย จึงทำให้เกิดฝ้าขึ้นมาในที่สุด นอกจากแสงแดดแล้วสาเหตุของการเกิดฝ้าก็ยังมีอีกหลากหลายสาเหตุ เช่น ความเครียด ฮอร์โมน การใช้ยาคุมและแพ้ยา เป็นต้น
ฝ้ามีกี่ชนิด
ในทางการแพทย์ผิวหนังจะแบ่งฝ้าออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
- ฝ้าแดด
ฝ้าแดดเกิดขึ้นเพราะรังสี UV จากแสงแดด ลักษณะจะเป็นฝ้าสีน้ำตาลคล้ำหรืออมเทาม่วงและจะเข้มขึ้นเรื่อยๆ - ฝ้าเลือด
ฝ้าเลือดลักษณะเป็นรอยแดงคล้ายกับเส้นเลือด มีสีน้ำตาลปนสีแดง เกิดจากความผิดปกติของเลือดลมหรือฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงนอกจากนั้นก็ยังมีฝ้าตื้นและฝ้าลึกด้วย สำหรับฝ้าตื้นจะอยู่ในระดับผิวหนังกำพร้า ลักษณะเป็นสีน้ำตาลที่มีขอบชัดสามารถเกิดขึ้นได้ง่าย ส่วนฝ้าลึกเกิดจากการผิดปกติในระดับชั้นผิวหนังแท้ลักษณะเป็นสีม่วงอมน้ำเงินแนวทางการรักษาและป้องกัน
การรักษาฝ้าสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาทาหรือทานยา เพื่อลดการทำงานของเม็ดสีเมลานิน การฉีดฝ้า โดยใช้สารลดการทำงานของเม็ดสีและเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว อีกหนึ่งวิธีการรักษาฝ้าที่ระดับความนิยมคือการเลเซอร์ นอกจากนั้นก็ยังสามารถใช้ครีมบำรุงผิวหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนช่วยรักษาฝ้าให้แลดูจางลงได้ อย่างเช่นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารสกัดจากหัวไชเท้า
เนื่องจากหัวไชเท้ามีสารไกลโคไซด์ (Glycossides) ซึ่งอุดมไปด้วยกรดแอสคอบิก (Ascorbic Acid) และวิตามินเอ จากผลการวิจัยพบว่าช่วยลดเรื่องฝ้า กระ และจุดด่างดำเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน เพราะกรดเหล่านี้จะเข้าไปช่วยผลัดเซลล์ผิวคล้ำ ลดเม็ดสีเมลานินที่ร่างกายผลิตมากเกินไป จนกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำนั่นเอง
ในส่วนของการป้องกันฝ้า แนะนำให้หลีกเลี่ยงแสงแดด สวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน เช่น สวมหมวก สวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด กางเกงขายาว เสื้อแขนยาว เมื่อต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ใช้ร่มที่กันป้องกันรังสี UV หรือทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 + ขึ้นไป หลีกเลี่ยงความเครียด เมื่อใช้ยาคุมแล้วเกิดฝ้าหรือแพ้ยาควรหยุดใช้ทันที หรือปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ
